ศาสนาที่พระเจ้าพระบิดาของเรายอมรับว่าบริสุทธิ์และไร้ตำหนิคือการดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่ายที่ทุกข์ร้อนและการรักษาตนเองให้พ้นจากมลทินฝ่ายโลก-ยากอบ1:27

1).ประวัติบ้านเด็กกำพร้านำพร
2).แรงบันดาลใจ
3).นิมิต
4).พันธกิจ
5).วัตถุประสงค์
ประวัติบ้านเด็กกำพร้านำพร
"บ้านนำพร" เกิดจากพระดำรัสของพระเจ้ามาถึงครอบครัว "คุณนรินทร์ จ้าวเจริญ" ซึ่งเชื่อว่าพระเจ้ามีพระประสงค์จะใช้ครอบครัวของคุณนรินทร์ให้ทำงานช่วยเหลือเด็กกำพร้าและยากจนบนดอยซึ่งเป็นกลุ่มคนที่มีความเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อของปัญหายาเสพติด การค้ามนุษย์และการใช้แรงงานเด็ก เนื่องจากเด็กๆเหล่านี้ขาดคนดูแล สภาพแวดล้อมไม่ดี ยากจนค่นแค้น ไม่มีอาหารทานครบ3มื้อ เกิดภาวะทุพโภชนาการ และไม่มีโอกาสได้เข้าโรงเรียนเหมือนเช่นเด็กนักเรียนไทยพื้นราบทั่วไป
"บ้านนำพร" ดำเนินการอย่างถูกต้องตามกฎหมายภายใต้มูลนิธินินำพร ซึ่ง"บ้านำพร" ไม่่ได้รับการสนับสนุนอย่างเป็นทางการจากองค์กรทั้งภาครัฐและเอกชนหรือบุคคลใดๆ ปัจจุบันที่ "บ้านนำพร" ยังดำเนินการอยู่ได้ก็โดยอาศัยผู้มีใจที่เมตตาและกรุณาที่แวะเวียนมาเยี่ยมและบริจาคข้าวสาร อาหารแห้ง เสื้อผ้าและอุปกรณ์การเรียนแก่เด็กๆเป็นครั้งๆไปเท่านั้น จึงยังมีความยากลำบากในการดำเนินการอยู่มาก (ขณะนี้ "บ้านนำพร" มีค่าใช้จ่ายรายเดือนประมาณ 70,000 บาท/เดือน)
แรงบันดาลใจของ "คุณนรินทร์ จ้าวเจริญ" ในการเปิดบ้านนำพร
ประมาณ30กว่าปีแล้วที่ข้าพเจ้า นายนรินทร์ จ้าวเจริญ มาถึงความรอดในพระเยซูคริสต์ได้ก็โดยความรักของพระเจ้าผ่านทาง(มูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทย) กล่าวคือชีวิตวัยเด็กในชนบทที่อยู่ห่างไกลความเจริญและครอบครัวที่ยากจน เนื่องจากมีพี่น้องหลายคน(พี่น้องร่วมท้อง9คน) การจะมีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียนนั้นเป็นสิ่งที่ยากมาก คุณพ่อจึงได้ส่ง ข้าพเจ้าพร้อมพี่น้องร่วมท้องอีก 5 คนมาเข้าเรียนที่โรงเรียนบ้านใหม่สวรรค์ อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ (ปัจจุบันเป็นเขต อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่) โดยพักอยู่อาศัยอยู่ในหอพักของมูลนิธิศุภนิมิตแห่งประเทศไทยซึ่งให้การช่วยเหลือที่พักและอาหารแก่เด็กกำพร้ายากจนบนดอย ที่นี่เองทำให้ข้าพเจ้ามีโอกาสได้ยินเรื่องราวของพระเยซูคริสต์และต้อนรับพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดในเวลาต่อมา
นับจากวันนั้นจวบจนถึงปัจจุบันเป็นเวลา 30 กว่าปีแล้วซึ่งถึงแม้ว่าข้าพเจ้าจะแต่งงานและมีครอบครัวแล้วรวมทั้งมีโอกาสได้ทำงานหลายอย่างทั้งงานธุรกิจส่วนตัวและพนักงานบริษัท แต่ก็ไม่เคยทอดทิ้งพระเยซูและยังคงไปโบสถ์รับใช้พระเจ้าร่วมกับผู้รับใช้ในคริสตจักรอยู่เสมอๆ อาทิการออกเยี่ยมสมาชิก รับใช้ในกลุ่มเซลล์และวันอาทิตย์ และในใจก็ยังหวังว่าหากมีโอกาสได้ทำงานรับใช้พระเจ้าในด้านให้ความช่วยเหลือเด็กๆที่ยากจนและกำพร้าบนดอยก็จะยินดีรับใช้สุดกำลังเพื่อเด็กๆเหล่านี้จะได้มีโอกาสเฉกเช่นที่ครั้งหนึ่งตัวข้าพเจ้าเองเคยได้รับ ต่อมาประมาณปลายปี 2552 ขณะที่ข้าพเจ้าและครอบครัวกำลังนมัสการและอธิษฐานขอความชัดเจนในการรับใช้และการทรงนำที่มาจากพระเจ้าสำหรับครอบครัวเราที่กำลังจะมาถึง(2553)ซึ่งเป็นการนมัสการและอธิฐานขอการทรงนำที่ชัดเจนเป็นพิเศษมากกว่าที่ผ่านๆมาทุกปี ก็ได้ยินเสียงของพระเจ้าตรัสที่หูว่า 1 โครินธ์ 16 : 15-16 แต่เราก็ไม่เข้าใจถึงถ้อยคำนั้น จึงทำให้ครอบครัวของเราต้องใช้เวลาอธิฐานรอคอย เป็นเวลาร่วม 2 ปี ถึงเข้าใจความหมายของพระดำรัสนั้น
จนปลายปี 2554 พระเจ้าก็ตรัสบอกข้าพเจ้าให้เปิดบ้านเด็กกำพร้าเพื่อมอบและหยิบยื่นโอกาสให้ความช่วยเหลือแก่เด็กๆที่ยากจนไม่มีพ่อแม่และขาดคนดูแลที่อาศัยอยู่บนดอย เพื่อเด็กๆเหล่านี้จะมีที่พักพิงอยู่อาศัย มีโอกาสได้ไปโรงเรียนเฉกเช่นคนไทยพื้นราบและที่สำคัญที่สุดมีโอกาสได้ยินและรู้จักกับความรักของพระเยซูคริสต์ แต่โดยความเป็นมนุษย์ ข้าพเจ้าและครอบครัวรู้สึกกังวลใจต่อถ้อยคำนี้ เพราะทราบดีว่านี่เป็นงานรับใช้พระเจ้าแบบสังคมสงเคราะห์ และรู้สึกว่าตัวเองเป็นแต่เพียงครอบครัวเล็กๆคนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้นไม่มีกำลังที่จะช่วยเหลือเด็กๆเหล่านี้ได้ เนื่องจากไม่มีทั้งที่พักอาศัย ค่าอาหารและค่าใช้จ่ายในแต่ละเดือนตลอดจนค่าบำรุงการศึกษาแก่เด็กๆและยานพาหนะสำหรับรับ-ส่งเด็กๆไปโรงเรียน จึงขอความชัดเจนจากพระเจ้าอีกครั้งก็ได้พบ ในพระธรรมอพยพ3:11-12 ที่ได้บันทึกไว้ว่า
ฝ่ายโมเสสจึงทูลพระเจ้ว่า "ข้าพระองค์เป็นผู้ใดเล่า จึงจะไปเฝ้าฟาโรห์และนำคนอิสราเอลออกจากอียิปต์" พระองค์จึงตรัสว่า "เราจะอยู่กับเจ้าแน่ นี่เป็นหมายสำคัญให้เจ้ารู้ว่าเราใช้ให้เจ้าไปคือเมื่อเจ้านำประชากรออกจากอียิปต์แล้ว เจ้าทั้งหลายจะมานมัสการพระเจ้าบนภูเขานี้"
รวมทั้งในพระธรรม เยเรมีย์1:6-8ที่บันทึกไว้ว่า แล้วข้าพเจ้าก็กราบทูลว่า "ข้าแต่พระเจ้า ดูเถิดข้าพระองค์พูดไม่เป็น เพราะว่าข้าพระองค์เป็นเด็ก" แต่พระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า "อย่าว่าเจ้าเป็นแต่เด็ก เพราะเจ้าต้องไปหาทุกคนที่เราใช้ให้เจ้าไป และเราบัญชาเจ้าอย่างไรบ้าง เจ้าต้องพูด อย่ากลัวหน้าเขาเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า จะช่วยกู้เจ้าไว้ พระเจ้าตรัสดังนี้แหละ"
และในพระธรรม โยชูวา 1:9 9 ตรัสว่า "เราสั่งเจ้าแล้วไม่ใช่หรือว่า จงเข้มแข็งและกล้าหารเถิด อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะว่าเจ้าไปไนถิ่นฐานใดพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงสถิตกับเจ้า"
ด้วยพระวจนะคำเหล่านี้ที่ข้าพเจ้าและครอบครัวจึงมั่นใจและได้ตัดสินใจเดินตามพระประสงค์ของพระองค์ที่ทรงยอมใช้เราทำงานของพระองค์
นิมิตของบ้านนำพร
นิมิตหรือวิสัยทัศน์ของบ้านเด็กกำพร้าบ้านนำพรได้มาจากพระคำในพระคริสตธรรมคัมภีร์(Holy Bible)ยากอบบทที่ 1 ข้อ 27 ที่ว่า;-
"การเคร่งครัดในความเชื่ออย่างบริสุทธิ์ไร้มลทินต่อพระพักตร์พระเจ้าและพระบิดานั้น คือการเยี่ยมเยียนเด็กกำพร้าพ่อและหญิงม่ายที่มีความทุกข์ร้อน และการรักษาตัวให้พ้นจากราคีของโลก"
บ้านเด็กกำพร้าบ้านนำพรจึงปรารถนาอยากเห็นเด็กกำพร้าและยากจนบนดอยได้มีสถานที่พักพิงในสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตร มีอาหารทานครบ 3 มื้อ และมีโอกาสได้ไปโรงเรียนเฉกเช่นเด็กไทยพื้นราบทั่วไป
พันธกิจบ้านนำพร
พันธกิจหลักของบ้านเด็กกำพร้าบ้านนำพรคือ การมุ่งส่งเสริมและให้ความช่วยเหลือเด็กกำพร้าที่ยากจนบนดอยให้มีพัฒนาการทั้งสี่ด้านอันประกอบด้วยด้านร่างกาย จิตใจ สติปัญญา และการเข้าสังคม กล่าวคือเพื่อให้เด็กกำพร้าฯได้มีสถานที่อยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดีและเป็นมิตร(Friendly Environmental) มีอาหารทานครบ 3 มื้อทุกวัน และมีโอกาสได้เข้าโรงเรียนเฉกเช่นเด็กไทยทั่วไป โดยผ่านทางความรักของพระเยซุคริสต์
วัตถุประสงค์ของบ้านนำพร
- 1).เพื่อให้เด็กกำพร้าและยากจนได้รับการปกป้องดูแล มีที่อยู่อาศัยในสภาพแวดล้อมที่ดีและเป็นมิตร(Friendly Environmental)
- 2).เพื่อให้เด็กกำพร้าที่ยากจนได้มีอาหารทานครบ 3 มื้อ
- 3).เพื่อให้เด็กกำพร้าที่ยากจนมีโอกาสได้รับการศึกษาในระบบ(การศึกษาในโรงเรียน)ตามหลักสูตรของกระทรวงศึกษาธิการ
- 4).เพื่อให้เด็กกำพร้าที่ยากจนได้รับการอบรมสั่งสอน ขัดเกลานิสัย และปลูกฝังให้เป็นคนดี มีคุณธรรมโดยผ่านทางพระวจนะคำของพระเจ้า(Holy Bible)
- 5).เพื่อสำแดงความรักของพระเยซูคริสต์แก่เด็กกำพร้าและหญิงม่ายตามพระธรรมยากอบ 1:27 (ที่ว่า"ศาสนาที่พระเจ้าพระบิดาของเรายอมรับว่าบริสุทธิ์และไร้ตำหนิคือการดูแลลูกกำพร้าและหญิงม่ายที่ทุกข์ร้อนและการรักษาตนเองให้พ้นจากมลทินฝ่ายโลก")
กลับสู่ด้านบน